
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
อนาคตของฉัน

เฮ้อ...
ใครช่วยบอกชาวเยอรมันคนที่ทำทีสิดเรื่องเดียวกับผม ให้ช่วยเปลี่ยนหัวข้อหน่อยเห๊อะ กรูอยากจบแล้วเจงๆ กรูทำอยู่ดีดี มาทำเรื่องเดียวกัน เยี่ยมจิงๆ เฮ้อ... ความจริง สภาพแบบนี้ ควรจะมีจิตใจที่แข็งแรงหน่อยไว้รับมือกับสถาณการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่สภาพจิตใจกรู... นิยามของคำว่า "แย่" เลยจิงๆ ปกติจะยังมีคนคอยปลอบใจ คอยเป็นห่วง แต่ตอนนี้เค้าก็ say good bye ไปซะล่ะ เฮ้อ... เศร้าจิงๆ
ต่อหน้า : โชคดีนะ แต่ในใจ : อย่าไปเลยกลับมาเห๊อะ ๆๆๆๆๆ
ต่อหน้า : ระวังตัวเองดีดีนะ แต่ในใจ : อย่าไปเลย เปนห่วงโว๊ยยยย
ต่อหน้า : เอ่อ.. เด๋วพี่รีบไปเรียนก่อนนะ แต่ในใจ : อยากอยู่ด้วยโว๊ยย ผมรักคู๊ณณณณ
ต่อหน้า : โชคดี บายๆ แต่ในใจ : ฮือ ฮือๆๆ (ขี้มุกโป่งๆๆๆๆ)
เฮ้อ... วนเวียนในหัวแค่นี้ นอนก้อไม่ค่อยหลับ แถมเพื่อนฝูงที่ให้บ่นก้อดันมีงานมีการทำ เหลือเพียงแต่บิ๊กตุ๊ดเท่านั้นที่ยังคงวนเวียนในชีวิต เฮ้อ...ใครช่วยเอาพายุมาพัดกรูไปนอกโลกที เบื่อเจงๆ เบื่อไปเบื่อมา เช้าอีก!!! ต้องรีบไปเรียน เยี่ยมจริงๆ
ป้าคับ - เรื่องเล่าของเพื่อนผมอยากระบายนิดนึงครับ
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551
สิ่งที่โชคดีที่สุด
สิ่งที่โชคดีที่สุดคือการที่ผู้ชายได้เป็นคนรักคนแรกของผู้หญิง ที่โชคดีกว่านั้นคือผู้หญิงได้เป็นคนรักคนสุดท้ายของผู้ชาย
ผู้ชายพร้อมที่จะเสียสละความรักเพื่อจะได้ปกครองโลก แต่ผู้หญิงพร้อมที่จะตัดใจจากโลกเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่มีค่าพอให้เสียสละ
มันปวดใจเมื่อได้เห็นคนที่คุณรักมีความสุขอยู่กับคนอื่น แต่มันจะเจ็บปวดกว่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่มีความสุขเลยเมื่ออยู่กับคุณ
สบตาแล้วไม่หวั่นไหว..ไม่ได้แปลว่ารักน้อยลง *
แรกที่เราตกหลุมรักครายสักคน..หัวใจเหมือนจะเต้นออกมานอกร่างกาย ใครที่เคยมีความรัก ไม่ว่าเป็น "แอบรัก" หรือ "เรารักกัน" ก็คงจะเข้าใจ อาการหัวใจเต้นผิดปกติแบบนี้
แต่ก็รู้ใช่ไหมว่า เมื่อคบๆกันไปได้ระยะหนึ่ง ผ่านช่วงตกหลุมรักกันและกันไปแล้ว หัวใจ..ก็จะเริ่มกลับมาเต้นในจังหวะปกติอีกครั้ง ไม่ประหม่า ไม่เขิน ไม่หวั่นไหว
แล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ หลายคนทีเดียวที่คิดว่า..ความรักกำลังลดน้อยลง ทั้งที่ความจริง รักก็ยังมีอยู่เท่าเดิมนั่นแหละ เพียงแต่พอผ่านเวลา คนสองคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น คุ้นเคยกันมากขึ้น ซึ่งความคุ้นเคยนี่เองที่ไปละลายความเคอะเขิน ความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้หายไป..
ถึงจะสบตากันแล้วใจไม่เต้นแรง ก็ไม่ได้แปลว่า ความรัก จะไม่มีเหลืออยู่แล้ว.. ฉะนั้น เมื่อรักใคร อย่าให้ความสำคัญกับคำว่า รัก เพียงคำเดียว จนลืมที่มองเห็นคุนค่าของคำว่า ผูกพัน
เพราะเราคิดและเชื่อว่า..ช่วงเวลาแห่งการตกหลุมรักใครสักคนนั้น มันแสนสั้น การที่เราจะรักใครสักคนได้อย่างยาวนาน..มันต้องมีอะไรมากกว่ารัก
จึงไม่เป็นไรหรอก ถ้าวันนี้..คนที่เราคบด้วย เค้าไม่จูงมือเรา ไม่ทำสวีทต่อกันบ่อยๆ เหมือนก่อน..
เพราะเค้า แค่อยากอยู่เคียงข้าง..ในตอนที่เราร้องไห้ คอยถามว่าเหนื่อยไหม..ในช่วงที่เรียนหนักๆ และตอนเดินข้ามถนน..เค้าไม่ลืมที่จะดูรถให้เรา เพียงเท่านี้..หัวใจก็อุ่น
มื่อครั้งที่ฉันมีความรัก….
ความรักมันทำให้ฉันมีความสุข
ถึงแม้ความสุขนั้นอาจจะมีความทุกข์ปะปนอยู่บ้าง
แต่เมื่อฉันนึกถึงสิ่งที่ดีของกันและกัน
ความทุกข์มันก็จางลงไปอย่างง่ายดาย
ซวยจัง เซงเป็ดๆ >_<"

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551
รู้มั๊ย...

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ห า กั น จ น เ จ อ
. . . อ า จ บ า ง ที ใ น เ มื อ ง ก ว้ า ง ใ ห ญ่
ห ม อ ก แ ล ะ ค วั น ช่ ว ย กั น พ ร า ง ต า
มี ข อ บ รั้ ว ข อ บ กํ า แ พ ง ส ร้ า ง ม า
ตึ ก ร ะ ฟ้ า ค อ ย บั ง เ ร า อ ยู่
. . .
ไม่เคยคิดว่า ใครบางคนอยู่ใกล้เรามากๆ
ในช่วง ปี 2 ปี นี้
อุตส่าห์ หาเจอแล้ว
เธอ ใกล้ กว่า ที่คิด
มันคงไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ
ไม่อยากให้เธอผ่านมาแล้วผ่านพ้นไป
เพราะเรา หากันจนเจอ
:)
keep smile!
มี ค น บ อ ก ว่ า ...
ฟ้ า ดิ น ล ง โ ท ษ เ ข า ใ ห้ ห่ า ง ไ ก ล กั บ ค น รั ก
ฉั น ก ลั บ คิ ด ว่ า ...
ฟ้ า ดิ น กํ า ลั ง ส ง สั ย ค น คู่ นี้ ว่ า ...
* เ ข า รั ก กั น จ ริ ง ห รื อ เ ป ล่ า ต่ า ง ห า ก ...
เ ล ย ท ด ส อ บ
โ ด ย แ ย ก ค น นึ ง ไ ป ท า ง ...
... อี ก ค น ไ ป ท า ง
ค ง มี ใ ค ร บ า ง ค น มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ไ ม่ น่ า ไ ว้ ว า ง ใ จ
ถ้ า เ ร า คิ ด ว่ า มั น เ ป็ น ก า ร ท ด ส อ บ
... ว่ า เ ร า เ ลื อ ก ถู ก ค น ห รื อ เ ป ล่ า
" ค ว า ม ห่ า ง ไ ก ล "
จ ะ เ ป็ น ตั ว วั ด ป ริ ม า ณ ค ว า ม ผู ก พั น ที่ เ ร า มี ต่ อ กั น
ถ้ า เ ร า ยั ง รู้ สึ ก เ ห มื อ น เ ดิ ม ...
แ ถ ม ยั ง เ พิ่ ม ค ว า ม ห่ ว ง ใ ย ...
ค ว า ม คิ ด ถึ ง ...
นั่ น คื อ เ ร า มี ค ว า ม รั ก ที่ แ ท้ จ ริ ง ใ ห้ เ ค้ า ...
เ ร า ส อ บ ผ่ า น *
แ ต่ ถ้ า เ ข า เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป ...
แ ร ก ๆ ก็ ติ ด ต่ อ กั น ถี่ ห น่ อ ย ...
ห ลั ง ๆ เ ริ่ ม ห่ า ง ห า ย :'(
* เ ค้ า ส อ บ ต ก
ก็ ใ น เ มื่ อ ป ริ ม า ณ ค ว า ม ผู ก พั น ข อ ง เ ค้ า
... มั น มี ไ ม่ เ พี ย ง พ อ
เ ร า น่ า จ ะ ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง
ที่ เ ร า ไ ด้ เ ลื่ อ น ชั้ น ขึ้ น ไ ป
แ ม้ มี ใ ค ร จ ะ ส อ บ ต ก
แ ต่ ถ้ า เ ค้ า อ ย า ก จ ะ ขึ้ น ม า อ ยู่ ข้ า ง เ ร า
เ ค้ า ต้ อ ง เ ร่ ง ใ ห้ ส อ บ ผ่ า น บ ท ท ด ส อ บ นี้ *
แ ล้ ว ก้ า ว ขึ้ น ม า อ ยู่ ข้ า ง เ ร า เ อ ง ...
แ ต่ ถ้ า เ ค้ า ยั ง ไ ม่ ผ่ า น ...
* ก็ ถื อ ว่ า เ ป็ น บุ ญ *
* ที่ ฟ้ า ดิ น ไ ด้ คั ด ค น โ ง่ ...
อ อ ก ไ ป จ า ก เ ร า แ ล้ ว *
วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551
คิดไม่ออก

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551
"" LoVe ""

จริงหรือเปล่านะ !!!
เพื่อนที่ดีของคุณ
อย่าร้องไห้นะ และเราก็หวังที่จะได้รับเมล์กลับ
---- ความคิดสมัยอนุบาล
เพื่อนที่ดีคือ คนที่ให้สีเทียนสีแดงกับคุณ
เมื่อมีเหลือแต่สีเทียนสีดำทะมึน
ความคิดสมัย ป.1 เพื่อนที่ดี คือคนที่ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนคุณ
แล้วก็จับมือคุณระหว่างเดินผ่านห้องโถงที่น่ากลัว
ความคิดสมัย ป.2 เพื่อนที่ดี
คือคนที่ทำให้คุณเข้าเรียนคลาสที่ไม่อยากเรียน (มั้ง)
ความคิดสมัย ม.3 เพื่อนที่ดี
คือคนที่เปนที่ปรึกษาปันหาหัวใจให้คุณ และอินกับคุณในทุกๆอารมณ์
ความคิดตอน ม.6 เพื่อนที่ดี
คือคนที่ช่วยคุณเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเข้า
แล้วก็บอกกับคุณว่าคุณเข้าที่นั่นได้แน่
แถมยังช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ยอมให้คุณไปเรียนมหาลัยนั้นอีกด้วย
ในงานจบการศึกษา เพื่อนที่ดีของคุณ คือคนที่ร้องไห้เงียบๆ
ในใจ แล้วก็แบ่งปันรอยยิ้มกว้างๆ ให้คุณ
และตอนนี้ เพื่อนที่ดี
ยังคงเป็นคนที่ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
จับมือของคุณเมื่อคุณกลัว
ช่วยคุณต่อสู้กับสิ่งที่พยายามเอาเปรียบคุณ
คิดถึงคุณตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ เตือนคุณในสิ่งที่คุณลืม
ช่วยคุณผ่านอดีตแต่ก็เข้าใจเมื่อคุณอยากอยู่กับอดีตอีกซักนิด
อยู่กับคุณเพื่อให้คุณมีความมั่นใจ หรือไปไกลๆ คุณซักพัก
เพื่อให้คุณได้มีเวลากับตัวเอง ช่วยคุณแก้ไขความผิดพลาด
ช่วยคุณจัดการกับความกดดันทั้งหลาย ยิ้มให้คุณเมื่อยามคุณเศร้า
ช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น และอย่างสำคัญที่สุด คือ รักคุณ
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ค่ายทอฝัน อ.สังขระบุรี




ทำไมอะ อย่างฉันจะไปค่ายไม่ได้หรอ .... -_-''
มีภาพมายืนยันสถานที่
ค่ายบ้านทอฝัน จ. กาญจนบุรี ติดชายแดนพม่า
ลำบากมากแต่ สนุกดี ชีวิตนึง ถ้าคุณได้ไปลองช่วยเหลือคนที่เค้าด้อยกว่ามากๆ ( เฉพาะทางวัตถุ แต่จิตใจเค้าดีกว่า สังคมในเมือง เย๊ออ ) แล้วมันรู้สึกดีนะ อย่างน้อยเวลาที่ทำอะไรแล้วท้อใจ รุ้สึก ลืมจุดหมายในชีวิตไปชั่วครู่ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่ช่วยเหลือน้องๆ ที่บ้านทอฝันแล้ว มันก้อ มีกำลัง จั ยสู้ ต่อๆๆไป ก็จะช่วยเท่าที่โอกาสมี และแรงกาย ( หมู ๆ) ไปไหวนะคะ
^^ วันอาทิต เช้า ก้ออกเดินทางกลับ ระหว่างทางแวะ สะพานมอญ บางส่วนของชาวค่ายก้อ นั่งเรือ ข้ามฝากไป น้ำตกไทรโยคน้อย กัน
ส่วน เรา งดนั่งเรือ มุ่งตงไป น้ำตกไทรโยคใหญ่ กินส้มตำ รสเด็ด มักๆ เดินไป 300 เมตร เล่นน้ำตก พอเป็นพิธี ให้คุ้มค่า รถ เกือบ พัน กิโลหน่อย ( ไปกลับ )
ไม่น่าเชื่อว่า มี หาดทรายริม น้ำตกด้วย สวย ใส ไนส์ จิงๆ > _ < "
ชักติดจัย คราวหน้ามี ค่ายรัย ถ้าเวลาว่างๆ เหมาะ ๆ ก้อไปแน่..... โปรดหา ข้อมูล ที่ พักอาศัยและ สภาพอากาศให้ดี เพราะค่ายนี้ 7 องศา กลางป่า และ ตากน้ำค้าง นอนบนรถ ( แม้จะใส่เสื้อหก ชั้น เกง สองชั้น ) อาจทำให้คุณเข้ารพ ได้ -_-''
ป้าครับ
ช่วงนี้เป็นช่วงพีคของการเรียนจริงๆ เพราะเป็นช่วงที่คนอื่นเค้าส่งผลงานของตัวเองไป conference ที่นู้นที่นี่กัน ซึ่ง.... ถ้ามองทีสิดเป็นเหมือนลูกของเรา ลูกเพื่อนผมก็ประมาณว่าเอ็นทรานเข้ามหาลัยกันจะหมดทุกคนอยู่แล้ว แต่ลูกผมนี่...เพิ่งคลอด ตัวนี่ยังแดงๆอยู่เลย ไม่รู้คลอดออกมาก่อนกำหนดป่าว ??? ผมก้อไม่ค่อยจะมี ซึ่งหนทางยังอีกยาวววว ไกลจริงๆ (งานนี้เหนื่อยหนักแน่ๆกรู) ซึ่งทำให้เกิดอาการท้อแท้ขึ้นมาอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งที่ท้อแท้ หลายคนอาจนึกถึงสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจต่างๆ แต่สำหรับผม ถ้าเป็นเรื่องเรียนโท ผมจะนึกถึงป้าคนนึง ขายข้าวแกงอยู่หน้าปากซอยบ้านผมเอง อาหารจานเด็ดของแกคือ ผัดเผ็ดปลาดุกกรอบ แต่ความพิเศษของป้าคนนี้ไม่ได้อยู่ที่ฝีไม้ลายมือในการปรุงอาหารเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ผมถึงกับต้องผงะ คือทรัพย์สินเงินทองของป้าแกนี่มิใช่เล่นๆจริงๆ ประตูบ้านเป็นอัลลอยด์อย่างดี สร้อยคอทองคำท่วมตัวไปหมด โจรท่านใดที่กำลังจะไปปล้นธนาคารนี่แนะนำให้เปลี่ยนมาลักพาตัวป้าคนนี้แทนจะดีกว่านะคับ..(ล้อเล่นนะ...อย่าไปทำไรป้าเค้านะคับ) ความรวยของป้าคนนี้เคยทำผมสับสนอยู่พักนึงว่า เอ๊ะ!! กรูมาเรียนต่อโททำไมเนี่ย ?? มีอยู่ช่วงนึงที่ป้าเค้าปิดร้านไป ผมก็งงว่าแกไปไหน พอป้ากลับมา แกบอกไปเยี่ยมลูกที่เยอรมันมา (เอ่อ... ป้ามีลูกสาวมั๊ยคับเนี่ย ?... หึ หึ ) แต่ยังไง ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไปคับ... หวังว่าบทความนี้จะทำให้คนที่ได้มาอ่าน อ่านแล้วรู้สึกไม่เครียดและมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปนะคับ...
เอาวิธีถนอมมือมาฝากค่ะ
- บำรุงมือให้นุ่มตอนล้างจาน เติมออยล์ลงในน้ำล้างจานเพราะออยล์ช่วยเก็บความชุ่มชื้นในตอนที่ล้างจาน
- ขัดผิวที่หยาบ เกลือทะเลผสมน้ำมะนาว ใช้แปรงสีฟันเก่าๆช่วยในการขัด(ทำอาทิย์ละ 2 ครั้ง)เพื่อให้ผิวเนียนสวยสีผิวสม่ำเสมอ
- อุ่นนมสด (เอาพออุ่นนะค่ะ) จุ่มมือลงไป 5 นาที เพื่อบำรุงผิว แถมยังบำรุงเล็บที่อ่อนแออีกด้วย
วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
มุขเสี่ยว
2.อยากมี พาวเวอร์พอยต์............จะได้พรีเซ้นความรักของฉันที่มีต่อเธอได้
3.ตายแล้ว!!! เธอรู้ไหม? เธอทำให้ขยะล้นโลกนะ...............เพราะหัวใจใช้แล้วของฉันที่เธอไม่ต้องการมันแล้วไม่สามารถรีไซเคิลได้
4.เธอไม่ต้องแปลกใจหรอกนะที่หาชื่อตัวเองในพจนานุกรมไม่เจอ...........เพราะมันอยู่ในใจฉัน
5.ว่ากันว่าถอดสแควรูดน่ะมันถอดยากนะ........แต่ฉันว่าถอดเธอออกจากใจฉันมันยากยิ่งกว่า
6.เฮ้อ...เรามีแต่พาสเวิร์ดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต......แต่ไม่มีแอคเซสเข้าสู่หัวใจเธอเลย
7.พรมแดนที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะพรมแดนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือ ก็ไม่มีพรมแดนไหนมาคั่นหัวใจเราสองให้ห่างไกลกันได้หรอก
8.ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม เอางี้ โยนหัวก้อยกัน ถ้าออกหัว เธอมาเป็นแฟนฉัน ถ้าออกก้อย ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอ
9.อยากเอาชีวิตฉันหรอ?.......ยิงเลยสิ....ยิงมาที่กลางหัวใจเลย...แต่เธอจะเจ็บหน่อยนะ เพราะในนั้นน่ะ...............มีเธออยู่
10.ขอยืมลายมือสวยๆหน่อยได้ไหม....จะเอาจดทะเบียนสมรส
11.เอามีดมาแทงเลยสิ แทงตรงหัวใจเลยนะ ฉันไม่เจ็บหรอก แต่เธอน่ะแหละที่จะเจ็บ.............เพราะเธออยู่ในใจเธอไง
12.ใช่สิ ฉันมันคนไร้หัวใจ...ก็เธอเอาหัวใจฉันไปหมดแล้วนี่
13.ถ้าฉันมีปืน 2 อัน ฉันจะแบ่งให้เธอหนึ่งอัน.........เราจะได้มี GUN และ GUN ไง
15. ถ้าเธอเป็นโคลน ฉันจะเป็นค ว า ย............จะได้จมปลักรักเธอตลอดไป...
16.เดินดีๆ นะน้อง.......ระวังจะสะดุดรักพี่ล่ะ
17.ฉัน : นี่ๆรู้ไหม เวลาเห็นหน้าคุณทีไร มักจะเป็นโรคชักทุกทีเลยอ้ะ?
เธอ : ?? โรคชักไรหรอคะ?
ฉัน : โรคชักจะใจอ่อน
18. ฉันน่ะไม่ติงต๊องหรอก แต่ ThinkinG OF YoU
19. ฉัน : เมื่อวานนะเสียเวลาตั้งนาน
เธอ : ทำไมเหรอ?
ฉัน : หลงทางในหัวใจเธอ
20.ขอปรึกษาปัญหาหากฎหมายหน่อยได้ไหม........ข้อหาลักลอบแอบชอบผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายมาตราไหนครับ?
Meaning Of Love
You may only be one person to the world but you may also be the world to one person.
Friendship often ends in love, but love in friendship never.
You know when you love someone when you want them to be happy even if their happiness means that you're not part of it.
Love is like standing in the wet cement. The longer you stay, the harder it is to leave. And you can never go without leaving your shoes behind.
Don't rely on the past to create the future, rely on the future to erase the past.
Love will die if held too tightly; love will fly if held too lightly.
If you love someone tell them, don't wait or else you will lose the chance.
It only takes a second to say "I love you", but it will take a lifetime to show you how much.
Love, is like water, we take it for granted. Thus, when it is gone, it becomes crucial.
True love is like ghosts, which everyone talks about but few have seen.
The essential sadness is to go through life without loving. But it would be almost equally sad to leave this world without ever telling those you loved that you love them.
The way to love anything is to realize that it might be lost.
วาสนา
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
เคล็ดการใช้อำนาจบุญแก้กรรมเก่า-ปัญหาชีวิต
(ก่อนอ่านตั้งนะโม ๓ จบ)
ผู้เปิดเผยเคล็ดเรื่องนี้คือ ท่าน พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า พระอริยะเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ ท่านมีประสบการณ์ทางจิต ที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกรมก็สามารถเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูตผีปิศาจ นาค ครุฑ ยักษ์ อย่างชัดแจ้งแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้ มากมายหลายชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์ปานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก นับครั้ง ไม่ถ้วน ด้วยท่านเป็นพระที่ไม่สนใจในเรื่องลาภ ยศ ชื่อเสียง ทั้งเทพยาดาสูง-ต่ำ ตลอดจนภูตผีปิศาจ ต่างให้ความเคารพท่านมาก วัดของท่านจึงเป็นศูนย์รวมของเทพยาดา และภูต-ผี-ปิศาจ-อสูรกาย-สัมภเวสี ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วทุกสารทิศ พากันหลั่งไหลมุ่งไปหาขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ละวันผู้คนมากหน้า หลายตาต่างดั้นด้นข้ามป่าข้ามเขาผ่านหนทางอันทุรกันดารไปกราบท่าน เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาเคราะห์กรรม ต่างๆ ซึ่งท่านก็เพียงแต่แนะนำหลักการ ใช้บุญแก้กรรมแบบง่ายๆ แต่ทว่า............ ได้ผลชะงักงันอย่างคาด ไม่ถึงอย่างชนิดที่ไม่มีพระรูปไหนกล้าพูดแนะนำได้อย่างนี้ เรามักท่องเป็นคาถาอยู่ร่ำไปว่า เวรกรรมนั้น แก้ไม่ได้ แต่พระอาจารย์ท่านยืนยันรับประกันอย่างหนักแน่นให้ฟ้าผ่าห่ากินว่า.......... แก้ได้ ไม่ต้องลงทุน อะไรมาก ไม่ต้องทำ พิธีสวดอะไรให้ใหญ่โตเสียเวลา เสียเงินเสียทองให้มากมาย แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า ทุกวันนี้คนทำบุญกันไม่เป็น ดึงบุญที่เคยทำมาใช้ ก็ทำไม่เป็น เป็นแต่ตะบันก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรม อย่างเดียว อย่างจนตรอกอยู่ท่าเดียว หลายท่านเมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติต่างก็ได้รับผลดีเกินคาด แต่ด้วยความที่ท่านไม่อยากเด่นอยากดัง หากใครจะขอประวัติของท่านมาลงหนังสือ ท่านจะไม่ยอมพูดด้วย ท่านจะมีเมตตามากในการเทศน์การสอนญาติโยม แม้กลางคืนก็ยังต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนทิพย์ ไม่หยุดหย่อน พร่ำสอนเผยแพร่เคล็ดนี้ทั้งวันคืน ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่าย ให้นำไปฟังแล้วบอกว่า “ฟังแล้วให้ นำไปปฏิบัติแล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องถ่อมาหาท่านที่วัด เพราะวันๆ ท่านก็เหนื่อยพอ อยู่แล้ว การจะทำบุญทำที่ไหนก็ได้ เช่น ทำบุญกับพ่อแม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน แล้วอุทิศบุญให้เทวดา และเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่ากับถวายทานให้พระอรหันต์ วัดของท่านมีพอกินพอใช้ แล้ว ไม่ขาดแคลนอะไรจึงไม่จำเป็นต้องหลั่งไหลมาทำบุญกับท่านก็ได้”
วิชาเจริญเมตตาแผ่บุญกุศลนี้ พระอาจารย์กล่าวว่าเคยใช้กันมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่เพิ่ง สาบสูญไปเมื่อ ๓๐๐-๔๐๐ ปีมานี่เอง ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ และเทวดาผู้รับบุญ ท่านมีเรื่องราวพิสดารมหัศจรรย์ในกรรมฐานอย่างมากมาย การตอบคำถามถึงปัญหาใน การปฏิบัติธรรม ท่านจะตอบอย่างห้าวหาญ ทั้งคำถามในด้านโลกียะและโลกุตระ ความหยาบละเอียดของ อารมณ์พระอรินะเจ้าแต่ละระดับ ทะลุไปจนถึงพระนิพพาน ทุกคำถามมีคำตอบจากท่าน สุดแต่ ผู้ถามจะถามปัญหาใด ลีลาการตอบคำถามของท่านจะออกแบบบ้านๆ ฟังแล้วเข้าใจง่ายไม่ต้องตีความ นำไปสู่การปฏิบัติพัฒนาทางจิตยิ่งๆ ขึ้นไป หนังสือที่ประมวลสรุปไว้นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่ออ่านแล้วนำ ไปประพฤติปฏิบัติ ท่านก็จักประสบความสุขสำเร็จตามปรารถนา แต่เรื่องนี้มิได้มุ่งหวังจะไม่ให้ใคร ไม่ต้อง ตาย!!!! มิได้มุ่งหวังจะทำให้ใครอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาล กฎของไตรลักษณ์ย่อมเป็นไปตามไตรลักษณ์ ไหนๆ เราก็ต้องตาย แต่ในเมื่อเรามีทางเลือกที่จะตายได้อย่างสุขสงบ ตายอย่างไม่ต้องมีทุกขเวทนา และตายได้ อย่างมีสติถึงพร้อม แล้วอย่างนี้เราจะปฏิเสธได้หรือ อีกอย่างหนึ่ง ข้อมูลสาระนี้จะไม่เป็นประโยชน์อันใด ต่อท่านที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับมานะสังโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์ตอผู้ขาดซึ่งอิทธิบาท ๔ เช่นนี้ แม้ฟ้าดิน ก็หมดปัญญาที่จะเข้าไปยุ่งอะไรกับท่าน เมื่อป้อนยาเข้าปาก แต่ไม่ยอมกลืนยา จะคายทิ้งก็สุดแท้แต่ท่านเถิด
วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
เหยือกเต็มหรือยัง ?
เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ เหยือกแก้ว ขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม
' พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง ?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน ' เต็มแล้ว... '
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
' เหยือกเต็มหรือยัง ?'
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ ' เต็มแล้ว... '
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก เม็ดทราย ไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง ' เหยือกเต็มหรือยัง ?'
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้อง! เรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
' คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์ '
' แน่ใจนะ '
' แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ '
คราวนี้เขาหยิบ น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
' ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง ' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
' ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน '
ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้ เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและเป็นห่วง เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม ' แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร ?'
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า ' การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ... ' แล้วเหยือกของคุณล่ะเต็มหรือยัง ??
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
alfie
"alfie"เป็นน้องหมาของเราเอง เป็นหมาที่น่ารักมากๆ นิสัยเหมือนคน
ขี้อ้อน กินเก่ง นอนเก่ง 5555
ทุกคนอาจจะคิดว่าน้องหมาเนี่ยหรอจะรู้เรื่องในสิ่งที่เราพูดกะเค้า มันฟังไม่รู้เรื่องหรอก
จิงๆแล้ว มันไม่ด้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดเลย เค้าทั้งฉลาด และ รักเจ้าของมากกกกกก
ถ้าใครได้ลองเลี้ยงน้องหมาดู แล้วทุกคนจะตอบแลคิดเหมือนเราว่า...
มันมีความรู้สึกจิงๆ
มันน่ารักจิงๆ
มันรักเราจิงๆ
มันซื่อสัตย์กับเราจิงๆ
แล้วทุกคนก็จะรู้ว่า "มันทำให้เรารักมันได้จิงๆ"
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ก่อนที่มันจะสาย
เมื่อเรามีชีวิตขึ้นมาแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ควรที่จะมาคิดว่าเราควรรักกับเค้าไหม
แล้วถ้าเค้าไม่รักเราหล่ะ เราจะทำยังงัย....อยากทำอะร อยากบอกรักใคร
รีบๆๆทำ รีบๆๆบอกเค้าไปดีกว่า ก่อนที่เวลาของตัวคุณเองจะไม่เหลือ
เราจะบอกกับตัวเองทีหลังว่า เสียดายเวลาที่ผ่านมาจัง
เพราะฉะนั้น รักใคร ชอบใคร ก็รีบๆบอกให้เค้ารู้ตัวไว้ดีกว่านะ
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551
รัก/สาม/เศร้า
ไม่มีใครมีความชอบที่เหมือนกันหรอก,,
แต่ในความคิดและ ความรู้สึกของฉัน มันเป็นหนังที่มีทั้งความสุข ความรักแบบเพื่อน
ความรักแบบคนรัก ที่ไม่มีใครผิดหรอกที่จะรักคนที่เค้าไม่ได้รักเรา
มีเยอะแยะไปที่ชอบไปรักคนที่เค้าไม่รักเรา แล้วก็มีคนที่ดีพร้อมสุดๆๆมารักเรา
แต่เราก็ไม่เคยเห็นค่าในตัวเค้าเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
แต่สุดท้าย....มันก้ต้องมีบทสรุปของมันที่บางครั้งอาจจะต้องมีคนที่เสียสละมากที่สุดก็ได้
แล้วบางทีคนที่เสียสละมากที่สุด ก็อาจจะเป็นคุณ หรือ คนที่คุณรักที่สุดก็ได้
"สัญญานะ ว่าถ้าฟ้าอยู่ไม่อยู๋แล้ว ยุจะไม่รักใครอีก นอกจากน้ำ"
วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551
บุพการีที่เคารพ
ได้เลย เพราะถ้าไม่มีทานแล้ว พวกเราก็ไม่สามารถที่จะเกิดมาบนโลกนี้ได้เลย ไม่มีโอกาสที่จะได้ทดลอง และเรียนรูอะไรใหม่ๆ ได้รู้สึกถึงคำว่า รัก,สนุก,โกรธ,หลง เพราะฉะนั้นการที่ได้ทำให้พ่อแม่มีความสุข
ดูแลท่าน เชื่อฟังท่าน แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ก็ถือเป็นการตอบแทนพระคุณท่านที่ให้กำเนิดเรามาดูโลกใบนี้ได้แล้ว
คุณลุงตาบอด
มักจะคิดว่าของคนอื่นดีกว่าเสมอ แต่แล้ววันนึงฏมีคุณลุงตาบอดคนนึง
ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดนี้ทั้งหมด เค้าไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
แต่เค้าก็ยังอยากจะทำงาน ขวนขวายเลี้ยงตัวเองโดยการขายลอตเตอรี่
โดยมีไม้เท้าหนึ่งอันเป็นเพื่อนคู่ใจ เดินตากแดดท่ามกลางความวุ่นวาย และผู้คนมากมาย
เค้าสามารถมีชีวิตที่ไม่สมประกอบ และอยู่บนโลกแห่งความเป็นจิงได้
แต่แล้วทำไมคนที่มีอวัยวะครบอย่างเราๆ มักชอบที่จะไขว่ขว้าบ้างที่เราไม่มี
และไม่ยอมรับในสิ่งที่เป็น พยายามทำตัวให้เหมือนคนอื่น
ถ้าทุกคนบนโลกนี้สามารถคิดได้เหมือนคุณลุงตาบอด
โลกเราวันนี้คงจะมีแต่ความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551
The Door ประตู 2 บาน
ประตูมีไว้เพื่อ เข้า - ออก
บานประตูจึงไม่ต่างอะไรกับจิตใจของเรา
เวลาเราทุกข์ใจ นั่นเป็นเพราะใจเราเปิดรับความทุกข์
แล้วไม่ยอมเปิดใจรับความสุขที่จะผ่านเข้ามา
ประตูจึงทำหน้าที่เปิดรับสิ่งดีและไม่ดี
จิตใจของเราก็ทำหน้าที่เปิดรับความสุขและทุกข์
บางคนใช้ชีวิตแบบประตูที่ปิดตาย
ไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองออกจากความทุกข์
ได้แต่ปิดตายและขังความทุกข์ของตัวเองไว้
ไม่ใยดีกับความสุขที่ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะได้รับ
บางคนพอเปิดประตูไม่ได้ก็พาลกับตัวเองและผู้อื่น
เอาแต่โกรธผู้อื่น ไม่เคยย้อยมองส่องตน
การมัวแต่เพ่งโทษของคนอื่น
จึงรังแต่จะทำให้เรากักขังตัวเราไว้กับความทุกข์
สิ่งที่เราควรทำคือการศึกษาความผิดพลาดของผู้อื่น
ให้นำข้อผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียนสอนตน
ไม่ประพฤติไปตามนิสัยแย่ ๆ เหล่านั้น
ให้รู้ไว้ว่า......บางครั้งที่เราเปิดประตูไม่ได้
ไม่ใช่เพราะประตูปิดตาย
อ่านดูด้วยว่าประตูบานนั้นเปิดประตูยังไง
ดึง, ผลัก, หรือเลื่อน
มีแต่ใจที่ปิดตายเท่านั้น.......
ที่ไม่สามารถให้อภัยใครได้แม้แต่กับตัวเอง
หลายคนใช้ชีวิตแบบดึง ทั้ง ๆ ที่ประตูบอกให้เลื่อน
ฝืนดึงจนบางทีประตูพัง....
ประตูที่แท้จริงคือประตูที่ไร้ประตู
ชีวิตที่แท้จริงคือชีวิตที่เข้าใจชีวิต
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551
happenning
แต่พวกเรายังคงพยายามที่จะหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนถึงสุดท้าย
ยังงัยเราก็ไม่มีทางรอด เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะต้องตาย
ตอนนั้นเราอยู๋กับคนที่เรารักและเค้าก็รักเรา
คุณจะบอกอะไรกับเค้าบ้าง??
ถ้าเป็นฉัน ฉันอยากบอกเค้าว่า
"ขอเราเกิดมาได้อยู๋ด้วยกันแบบนี้อีก"
วิธีดูเกย์....ปั-น-กั-น-อ่า-น
- ใช้น้ำหอม
- มีผ้าเช็ดหน้าติดตัว
- ผูกเน็ตไทน์สวยไม่มีที่ติ
- ใช้กางเกงในสีขาว
- แต่งตัวเข้าเทรนตลอด การใช้เสื้อผ้าต้องเข้าชุดกัน และดูเป็นตัวของตัวเอง
- มีเครื่องสำอางติดตัวอย่างน้อย 1 ชิ้น เช่น ลิปมัน กระดาษซับหน้า โลชั่นกันแดด SPF 30
- เค้าจะเลือกทรงผมที่เข้ากับหน้าตาได้ดีที่สุด
- ตาจะกลิ้งกรอก เคลื่อนไหวได้มากกว่าผู้ชายธรรมดา
- พูดจาสุภาพ น่าเชื่อถือ เป็นนักพูดที่เก่ง เป็นนักฟังที่ดี
- มีคำราชาศัพท์หลุดออกมาบ้างเป็นครั้งคราว อย่าง อุ้ย, เก๋ไหมล่ะ, เลิศ
- การหยิบจับของ นิ้วก้อยที่ชี้ขึ้นจะบ่งบอกระดับความเป็นเกย์
- ไว้เล็บนิ้วก้อย
- ใส่แหวนนิ้วกลางข้างซ้าย (แสดงถึงความเข็มแข็งที่อ่อนแอ และต้องการความอบอุ่นจากใครบางคน)
- ชอบกัดเล็บ
- สังเกตดีๆเขากันคิ้วหรือปล่าว
- เก่งภาษาต่างประเทศ
- มีความสามารถในการทำงานที่ใช้ความสร้างสรรค์
- ละเอียดอ่อน และอ่อนไหวง่าย
- ปากร้าย ด่าเจ็บ
- สามารถหาเรื่องขำๆให้คนอื่นหัวเราะได้เรื่อยๆ
- เกลียดเด็ก (รวมถึงสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น แมลงสาบ คนบ้า)
- ไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพท์
- อารมย์เปลี่ยนแปลงง่าย
- ชอบทำตัวรังเกียดกระเทย เพื่อปกปิดความเป็นเกย์ในตัว
- ชอบกินอาหารเพื่อสุขภาพ
- ชอบออกกำลังกายบางชนิด อย่าง ว่ายน้ำ แอร์โรบิค วิ่ง วอลเล่ย์บอล แบท การเพาะกาย
- สมองขาดสมถภาพในด้านการเล็งระยะ เช่นการชูดบาส ยิงธนู ยิงปืน การจอดรถยนต์ในพื้นที่จำกัด
(สูญเสียพื้นที่ในสมองส่วนนี้ไปให้ความอดทนและความละเอียดอ่อน)
- ชอบเพลงคลาสสิค เพลงแจ๊ส โซล
- สันโดษ ชอบความเป็นส่วนตัว
- ขี้เหงา
- ในห้องน้ำที่บ้านเขาจะมีมากว่าสบู่ ยาสระผม ครีมนวด และยาสีฟัน
- ห้องนอนเรียบร้อยกว่าผู้ชายปกติ
- รักต้นไม้ และการปลูกต้นไม้
วิธีคิดแบบ แยกเงินเดือนเป็น 4 ส่วน
วิธีคิดแบบ แยกเงินเดือนเป็น 4 ส่วน
ผมเห็นเพื่อนๆหลายๆคนกลุ้มใจ ไม่มีความสุขในการทำงาน ส่วนมากถ้าหางานใหม่กันได้ ก็ดีไป แต่ถ้าหาไม่ได้ จะทำอย่างไรในเมื่อเราต้องทำงานนั้นอยู่แล้ว เรามีทางเลือกสองทาง
1. คือ...ทำงานไปอย่างไม่มีความสุข
2. หาวิธีทำงานไปอย่างมีความสุข หรือ ทุกข์น้อยลง ที่ผมจะเขียนนี้ จะเป็นกรณีของแบบที่สอง เรามาเปลี่ยนวิธีคิดกันดูซะหน่อย....เผื่อว่าเราจะได้ทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น และทุกข์ก็น้อยลง
*** คิดซะว่า...ถ้าได้เงินเดือนมา ให้แยกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน และเงินแต่ละส่วน...บริษัทเขาจ้างให้เรามาทำงานตามแบบฉบับนี้
1. เงินเดือนส่วนแรก เขาจ้างมาให้คุณรับฟังคำตำหนิ ต่อว่า ทนกับอารมณ์ของเจ้านาย
2. เงินเดือนส่วนที่สอง เขาจ้างมาให้คุณรับฟังคำตำหนิ ต่อว่า ความจุกจิก งี่เง่า ของลูกค้า
3. เงินเดือนส่วนที่สาม เขาจ้างมาให้คุณ รับฟังการติฉิน นินทา อิจฉา ริษยา งี่เง่า กักขระ ของเพื่อนร่วมงานบางคน 4. เงินส่วนที่ 4 นี้เอง ที่เป็นเงินเดือน ที่เขาจ้างมาทำงานในหน้าที่ที่คุณรับผิดชอบ
ดังนั้น ถ้าเจอปัญหาเจ้านาย ให้ลองคิดดูว่า ให้ลดเงินเดือนตัวเอง 25% แล้วเจ้านายไม่บ่นว่า น่ะเอาไหม?? ให้ลดเงินเดือนตัวเอง 25% ให้เจอลูกค้าแสนดี น่ะเอาไหม?? ให้ลดเงินเดือนตัวเอง 25% ให้เจอแต่เพื่อนร่วมงานดีๆ น่ะเอาไหม?? ลดไปลดมา ได้ทุกอย่างดีหมด แต่เงินเหลืออยู่แค่ 25% ของเงินเดือนปัจจุบัน คุณเอาไหม??
ลองใช้วิธีคิดแบบนี้นะครับ เผลอๆหลายคนอาจจะบอกว่า อย่างนี้ให้เจ้านายด่าเพิ่มสองเท่า แล้วขึ้นเงินเดือนให้ฉัน 25% ก็เอานะ'
' จิต' และ ความคิดคนเราเป็นเรื่องสำคัญนะครับ อย่าปล่อยเวลาในชีวิตให้ความคิดของคุณเป็นลบ หรือคิดแต่ในแง่ร้าย .......เพราะความคิดของคุณ ก็เหมือนฟิล์มภาพยนตร์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ คือ ภาพฉายที่ออกมาจากฟิล์มหากคิดในแง่ร้าย คุณก็จะเจอแต่แง่ร้ายๆ *** ฟิล์มเป็นอย่างไร...ภาพที่ฉายก็ออกมาก็เป็นแบบนั้น!! คุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณไปสัมภาษณ์งาน แล้วคิดว่ายังงัยก็ไม่ได้ - แววหน้า สีหน้า ความกังวล และความมั่นใจ จะเกิดขึ้นทันที
*** เห็นมั้ยล่ะครับ...ว่าทุกอย่างเกิดจากความคิดของตัวเราเองทั้งนั้น เพราะอย่างนั้นเรามามองเรื่องแย่ๆ ร้ายๆ ให้เป็นแง่บวกกันดีกว่า ผลดี ก็คือ สุขภาพจิตของเราเองนะครับพี่น้อง!!
วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ความรัก... อาจจะเกิดกลัคุณ
ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครสักคน ... คนๆนั้นจะรักเราตอบ
แต่ถ้าเราเกิดมา... เพื่อที่จะรักใครหลายๆคน
เชื่อเถอะว่าจะไม่มีใครรักเราจริงเลย ... แม้แต่คนเดียว
บางครั้ง ความรักอาจจะเดินผ่านเข้ามา... ในชีวิตเราเพียงครั้งเดียว
และไม่หวนกลับคืนมาอีก เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ...
ความรักครั้งนี้หรือครั้งไหน จะเป็นความรักครั้งสุดท้าย
มีหลายครั้งที่เราตามหา แต่ความรัก กลับหนีไป
มีหลายครั้งที่เราไม่สนใจ แต่ความรัก ก็กลับเดินเข้ามา
อย่าถามเหตุผลเมื่อจะรักใคร ให้ถามสัมผัสจากหัวใจว่ารู้กยังไง
อย่ามองหาความรัก...ด้วยสายตา แต่ให้มองหาความรักด้วยหัวใจ
อย่าเชื่อคำว่า รัก ที่ได้ยินจากหูทั้งสองแต่ให้เชื่อคำว่ารัก ที่ดังก้องมาจาก
ความรู้สึก และส่วนลึกของหัวใจ
ความรักเป็นสิ่งที่มีค่า ... แต่มันจะไร้ค่าเมื่อมอบให้ใคร
หากวันหนึ่ง เราพบใครสักคน ที่มองเห็นคุณค่า
ความรักของเราแล้วหล่ะ ก็มอบให้เขาเถอะ
แล้วเราจะรู้ว่าความรักนั้น.... มีค่าและมีความหมายเพียงใด
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
คนใจอ่อน
อยู๋กับสิ่งไหนดีกว่ากัน
คิดยังงัยกับคำถามนี้ ตอบยากไปหน่อยใช่ไหม,,ทั้ง2ทางมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
บางคนอาจจะเลือกไปหาคนที่รักเรา เพราะอยางน้อยเค้าก็ทำให้เรามีความสุข และรู้สึกมีค่าเวลาเราอยู๋กับเค้า ถึงแม้ว่าเราอาจจะเราอาจจะอยู๋กับเค้า บางทีเราอาจจะคิดถึงคนที่เรารักบ้าง แต่การที่คุณเลือกอยู๋กับคนที่รักเรามันจะทำให้เรารู้สึกดีก็เมื่อเวลาที่เราเศร้า หรือผิดหวังกับอะไรมาบางอย่าง....
แต่ถ้าเราเลือกอยู๋กับคนที่เรารักมันก็มีความสุขอีกหนึ่งทาง คือ เราจะมีความสุขมากๆเพราะเราอยู่กับคนที่เรารักและอยากอยู๋ด้วย ทำทุกอย่างให้เค้าได้โดยไม่คิดถึงสิ่งที่จะได้รับกลับมา บางครั้งเราอาจจะไม่ได้รับอะไรกลับมาเลยก็ต่าม หรือ บางทีเค้าอาจจะไม่เห็นค่าในสิ่งที่เราทำเลยก็ได้
ลองคิดและเลือกดูว่าสิ่งที่เราต้องการคือ ความสุขแบบไหนกันแน่?
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ชีวิตนี้ต้องมี choices
จากคำสอนของอาจารย์ท่านนึงที่เราเคารพว่า "ชีวิตนี้ต้องมี choices" ทำให้สามารถนำมาคิดได้หลายเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องทั่วๆไป หรือแม้กระทั่ง เรื่องความรัก แน่นอนว่าคนเราย่อมมีสิทธิ์เลือก สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ตาม choices ที่มี แต่ถ้าคนที่ไม่มี choices ล่ะ จะทำไง นั่งรอโอกาสเหรอ หวังว่าซักวันนึงจะมี choice ดีๆมาให้เลือกบ้าง แต่คนคนนั้นคงลืมไปว่า ในขณะที่ตัวเองเฝ้ารอตัวเลือกอยู่ คนอื่นเค้าก็มีตัวเลือกอื่นเหมือนกัน ถ้าตัวเองมัวแต่นั่งรอโอกาส ที่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะผ่านมาเมื่อไหร่ ก็คงต้องจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆต่อไป เฝ้าดูคนอื่นเค้าสมหวัง มีความสุข โอกาสมันมีอยู่เสมอรอบตัว ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะหามันเจอรึเปล่า ถ้าไม่เริ่มซะตั้งแต่วันนี้ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่ สร้างตัวเลือกให้กับตัวเองซะ ทำไมต้องไปเป็นแค่ตัวเลือกนึงให้คนอื่นด้วย ในเมื่อเราเองก็มีดีพอที่จะมีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน